เช่นเดียวกับหลายๆ ท่าน ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นต้นกัญชาแบบเป็นๆ เลยสักครั้ง แถมยังรับรู้กันดีว่าเจ้ากัญชาเป็นพืชที่นิยมนำไปใช้เพื่อการเสพและถูกจัดว่าผิดกฎหมายเสียด้วย การได้ทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้ ในแง่มุมอื่นๆ นับว่าเป็นเรื่องแปลกและน่าสนใจไม่น้อยครับ อย่างไรก็ตาม บทความนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนหรือเผยแพร่ในมุมมองของสารเสพติดนะครับ
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ Cannabis sativa L. (ภาพจากวิกิพีเดีย) |
สะดุดใจครั้งแรก.. ตรงที่ได้อ่านเรื่องราวของกัญชาในแง่มุมอื่นๆ ทั้งจากคอลัมน์สุขภาพของสำนักข่าว
BBC และองค์การอนามัยโลก (
WHO) เพราะพบว่า เป็นพืชที่มีองค์ประกอบของสารต่างๆ กว่า 400 ชนิด รวมถึงสารปฏิชีวนะ (antibiotics) คล้ายคลึงกับ
กลุ่มเพนิซิลลิน (Penicillin) รวมถึงบทความที่บางท่านได้เขียนไว้ในแง่มุมอื่นๆ (เช่น blogger ของคุณ
First on Fire) หรือในประเด็นที่เป็นพืชช่วยรักษาโรค (โดยเฉพาะมะเร็ง!) จากบทความของ
อ. ประสาท มีแต้ม (แต่ถ้าสูบบ่อยๆ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งปอดแทนหรือเปล่า?)
|
ลักษณะดอกตัวผู้ (ภาพจากวิกิพีเดีย) |
หลังจากนั้น สะดุดใจอีกครั้ง.. ตรงที่ไปเห็นร้านขายสินค้าเกี่ยวกับกัญชากลางเมืองใหญ่อย่าง อัมสเตอร์ดัมนี่สิ ซึ่งมาทราบทีหลังว่าในบางประเทศเค้าจัดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายระัดับ บี (น่าจะซื้อขายได้แต่ต้องควบคุมเป็นพิเศษ??) แถมมีการปลูกในโรงเรือนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ แถมยังโฆษณาว่ามีหลากหลายพันธุ์ เพราะมีการปรับลดความแรงของเจ้าสารออกฤทธิ์
Tetrahydrocannabinol
(THC) ในกัญชาให้แตกต่างกัน
เพื่อความแตกต่างของรสชาติจากการเสพนั่นเองครับ (เกรงว่าจะเป็นการส่งเสริมแหล่งจัดจำหน่าย
ขอไม่ระบุลิงค์ครับ)
จากข้อมูลใน
Wikipedia
ทำให้พอทราบได้ว่า กัญชามีแหล่งกำเนิดทั้งจากแถบเอเชียกลางและเอเชียใต้
(แถบอินเดีย และจีน) รวมถึงแถบอเมริกาเหนือและยุโรป แม้มีการถกเถียงทางวิชาการถึงจำนวนสายพันธุ์
แต่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ประกอบด้วย
3 สายพันธุ์หลัก คือ Cannabis sativa, Cannabis indica และ Cannabis ruderalis โดยทั่วไปกัญชาเป็นพืชในตระกูลเดียวกับต้นปอและป่าน ลำต้นจึงสามารถใช้ประโยชน์เพื่อทำเส้นใยได้ หรือเรียกว่า helm ส่วนเมล็ดยังสามารถสกัดเป็นน้ำมันได้ด้วย ซึ่งสารเคมีต่างๆ ที่นิยมสกัดไปใช้ในกลุ่ม Cannabinoids จะพบมากในส่วนของดอกเพศเมียนั่นเอง
|
ลักษณะดอกตัวเมีย (ภาพจากวิกิพีเดีย) |
เนื่องจากกัญชาเป็นพืชที่มีดอกไม่สมบูรณ์เพศ คือ มีดอกเพศผู้หรือเพศเมียแยกกัน แต่อาจมีลักษณะเป็นต้นกระเทย ซึ่งมีทั้งดอกเพศผู้และเมียในต้นเดียวกันได้ ทำให้มีการใช้ระบบปลูกภายใต้โรงเรือนควบคุมต้นอ่อนที่อาจได้จากเมล็ดหรือกิ่งชำก็ได้ ไม่ให้เจริญเป็นต้นตัวผู้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีเทคนิคบางประการที่น่าสนใจสำหรับการปลูกและดูแลรักษาเพื่อควบคุมให้เป็นต้นเพศเมียได้ถึง 99% เลยทีเดียว
|
ลักษณะเมล็ด (ภาพจากวิกิพีเดีย) |
โดยทั่วไปการปลูกนับแต่ระยะต้นกล้าถึงเก็บเกี่ยวดอกใช้เวลาประมาณ
8 สัปดาห์ (เริ่มติดดอกช่วง 6 สัปดาห์)
การดูแลรักษาในโรงเรือนประการแรก คือ อุณหภูมิควรอยู่ในช่วง 20-25 องศาเซลเซียส
และต้องไม่สูงกว่า 30 องศาฯ สิ่งสำคัญต่อมา คือ
ความชื้นสัมพัทธ์ควรอยู่ที่ 75-80% เมื่อต้นอายุประมาณ 3-4
สัปดาห์ ลดลงที่ 60-70% จนถึง 45% ในระยะเก็บเกี่ยวดอก ขณะที่แสงไม่ควรเกิน 40,000 lumens/m2 เป็นเวลา 18 ชม/วัน และลดเหลือ 12 ชม/วัน ในช่วงติดดอก เทคนิคสำคัญอีกประการของแสง คือ ช่วงแสงสีน้ำเงินจะมีผลต่อการพัฒนาของดอกเพศเมียได้ดีกว่าช่วงแสงสีแดง
ดินและวัสดุปลูกสภาพที่เหมาะต่อการเจริญของดอกเพศเมีย คือ ต้องชื้นเพียงพอตลอดเวลา (ไม่ขัง ไม่แฉะ)
มีธาตุไนโตรเจนสูง โพแตสเซียมต่ำ (ให้ปุ๋ยตั้งแต่ระยะต้นกล้า 20-15-15) ในระยะติดดอกอาจเปลี่ยนฟอสฟอรัสสูงแทน (5-20-5) ค่าพีเอชควรเป็นกรดเล็กน้อย (6.0-6.5)
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การปลูกและดูแลรักษาต้นกัญชามีความยากตรงที่ต้องดูแลไม่ให้เติบโตกลายเป็นต้นตัวผู้ เทคนิคเหล่านี้นอกจากมีประโยชน์ในการดูแลรักษาแล้ว น่าจะนำไปประยุกต์ใช้กับพืชชนิดอื่นๆ ที่มีปัญหาคล้ายคลึงกันและเกิดผลกระทบจากต้นเพศผู้ครับ
สุดท้ายนี้ อยากฝากไว้สักนิดครับ
เมื่อรู้ว่ากัญชามีสารเสพติดก็อย่าไปเสพเลย...แต่ในเมื่อรู้ว่ากัญชาเป็นยารักษาโรคได้ ก็น่าจะให้มีการศึกษาไว้ใช้ประโยชน์เพื่อรักษาโรคต่อไปครับ
แต่ถ้าจะเอามาใช้ตกแต่งอย่างตามรูปข้างล่างนี้ ก็แล้วแต่จะพิจารณานะครับ (ทำไปได้เนอะ)
|
บอนไซกัญชา (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) |
|
ต้นคริสต์มาสกัญชา (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) |