หน้าเว็บ

Powered By Blogger

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สวนต่างแดน: มาดูเขาทำสวนองุ่นที่ปักกิ่งกันเถอะ

องุ่นเป็นผลไม้ยอดนิยมอย่างหนึ่งของคนจีน โดยเฉพาะองุ่นสำหรับทานผลสด (fresh table grape) ซึ่งในปี 2012 จีนได้กลายเป็นประเทศที่สามารถผลิตได้มากที่สุดในโลกไปแล้ว โดยสามารถปลูกได้เกือบทุกมณฑลในจีนครับ แต่แหล่งปลูกที่สำคัญ คือ แถบมณฑล เหอเป่ย (Hebei), ซานโตง (Shandong), เหลียวหนิง (Liaoning), เหอหนาน (Henan) และ ซินเจียง (Xinjiang) ซึ่งมีพื้นที่และผลผลิตรวมกันประมาณ 2 ใน 3 ของการผลิตทั้งประเทศเลยทีเดียวครับ

บริเวณจำหน่ายผลผลิตและส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ
สวนองุ่นที่ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมนั้น อยู่บริเวณเขตเมืองต้าซิง (Daxing) (ทางตอนใต้ของปักกิ่ง) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง ครับ (ด้วยรถยนต์ไม่ประจำทาง) มีทั้งของสถาบันวิจัยองุ่น และของเกษตรกรครับ

ส่วนใหญ่ที่นี่นิยมปลูกให้เป็นต้นตั้งตรงหรือจัดทรงต้นเป็นรูปตัววาย (Y trellis system) ซึ่งค่อนข้างสะดวกในการจัดการสวนและการเก็บเกี่ยวครับ (จะต่างจากแหล่งปลูกชื่อดังอย่างซินเจียงที่นิยมทำค้างให้เลื้อย) หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จะตัดแต่งกิ่งให้เหลือเฉพาะส่วนของกิ่งหลัก (cordon) ก่อนที่จะจับต้นให้ล้มนอนกับพื้น แล้วไถกลบดินสูงประมาณ 1 ฟุต ตลอดทั้งแถวองุ่นครับ ที่ทำเช่นนี้เพราะ ให้ต้นองุ่นสามารถมีชีวิตรอดและพักตัวในช่วงหน้าหนาว (ประมาณ -15 องศา) ในช่วง พ.ย.-ก.พ. ของทุกปี (ทรมานน่าดู ถูกจับฝังดินไม่พอ ยังต้องทนหนาวอีกเนอะ)
ลักษณะการฝังกลบต้นองุ่นเพื่อพักหนาว

ประมาณปลาย มี.ค. จะเริ่มจากใส่ปุ๋ยคอก จนถึงต้น เม.ย. จึงจะเริ่มเอาต้นองุ่นขึ้นมาจากดิน แล้วยึดต้นเข้ากับโครงลวดให้ตั้งตรง เพื่อรอให้ผลิใบในช่วงปลาย เม.ย.-ต้นเดือน พ.ค. ดังนั้นประมาณต้นเดือน มิ.ย. ก็เริ่มออกดอกและติดผลแล้วครับ และจะมีการลงแขก (จ้างแรงงาน) ห่อผลกันในช่วงต้น ก.ค. ก่อนเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตกันตั้งแต่ช่วงปลาย ส.ค. ไปจนถึง ต้น ต.ค. เลยครับ (เพราะมีผลผลิตผลิตชุดที่ 2 เพิ่งสุก) บริเวณสวนองุ่นที่นี่จะนิยมปลูกพืชแซมระหว่างแถวด้วยครับ เช่น ถั่วลิสง พืชสมุนไพร โดยเฉพาะพืชผักนานาชนิด ในช่วงต้นองุ่นอายุ 1-3 ปีแรกหลังจากปลูก

ต้นองุ่นหลังจากเพิ่งนำขึ้นมาจากหลุมฝังช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากครับ มีทั้งขับรถยนต์มากันเองหรือคณะทัวร์ เพื่อมาเก็บผลผลิตสดจากแปลงองุ่น ซึ่งแต่ละสวนจะมีบริการบรรจุกล่องอย่างดีครับ ตั้งแต่ขนาด 1-5 กก./กล่อง ตามความต้องการลูกค้า แถมยังมีจำหน่ายอาหารกลางวัน (โต๊ะจีน) ไว้รองรับคณะทัวร์ด้วย เรียกว่างานนี้ เจ้าของสวนขายได้ทั้งองุ่นและอาหารครับ คุณหลี่ (Li) ซึ่งเป็นเจ้าของสวนขนาดเกือบ 10 ไร่ บอกกับผมว่า (หลังจากสนิทกันสักระยะนึง) ปีนึงๆ มีรายได้จากการขายผลผลิตองุ่นถึง...400,000 หยวน !!! ครับ (2 ล้านบาท/ปี...แถมหยุดงาน 4 เดือน ช่วงหน้าหนาว) ที่เป็นเช่นนี้เพราะ เจ้าของสวนเป็นผู้กำหนดราคาเองนั่นเองครับ (20-30 หยวน/ กก.) และมีราคาสูงกว่าการขายปลีกในซุปเปอร์มาร์เก็ตเสียด้วยครับ (15-20 หยวน/กก.) และที่สำคัญกว่านั้น คือ ค่านิยมของคนจีนด้วยนั่นเองครับ ที่นิยมมอบผลไม้เป็นของขวัญในเทศกาลสำคัญต่างๆ

ลักษณะช่อดอกที่กำลังบานในช่วงต้นเดือน มิ.ย.
สำหรับสายพันธุ์ที่คนจีนนิยมบริโภคผลสดมากที่สุดนั่นคือ พันธุ์ จุ้ยเฟิง (巨峰) หรือ "Kyoho" นั่นเองครับ ซึ่งเป็นพันธุ์ยอดนิยมของโซนประเทศแถบนี้เช่นกัน ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ผลจะมีลักษณะกลมโต สีผิวผลเมื่อสุกม่วงดำ รสชาติหวาน (มาก) เปลือกจะค่อนข้างหนา และเหนียวหน่อยครับ แต่เนื้อผลเละๆ ครับ และมีน้ำค่อนข้างมาก ดังนั้น เวลาทานจึงควรทานทั้งผลดีที่สุด ไม่ควรกัดครึ่งเพราะ..เปลือกมันเหนียว กัดแล้วน้ำในผลอาจกระเด็นไปโดนหน้าคนข้างๆ เอาได้นะครับ (เหอะๆ..โดนหน้าตัวเองมาแล้ว) ซึ่งผมว่า...น่าจะต่างกับความนิยมการบริโภคของคนไทยเรานะครับ ที่นิยมทานแบบเนื้อแน่นๆ น้ำน้อยๆ หลังจากนำกลับมาให้เพื่อนๆ คนไทยทาน ส่วนใหญ่ก็ไม่ีมีใครชอบกัน (ยกเว้นผม แรกๆ ก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ทานฟรีบ่อยๆ แล้วติดใจ..หุหุ)

พืชแซม (ตระกูลชิโซะหรืองาม้อน) ระหว่างแถว
แอบดูช่อผลองุ่นพันธุ์จุ้ยเฟิงในห่อ
จึงไม่น่าแปลกใจครับ ที่เกษตรกรสมัยนี้มีฐานะดีขึ้นมาก นโยบายส่งเสริมการผลิตยังไปในทิศทางเดียวกัน มีสถาบันวิจัยอยู่บริเวณใกล้ๆ ไว้คอยให้คำปรึกษาและกำหนดราคากลาง (เกษตรกรจะกำหนดมากกว่าน้อยกว่าก็ได้) มีฝ่ายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ส่งเสริมการผลิตและจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกรให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้สนใจทุกปีครับ จนกลายเป็นที่รู้กันว่า ช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. นั้น จะเป็นเทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นกันในแถบนี้ครับ
ของฝากครับ..ต้นหอมที่คนจีนนิยมบริโภค (ต้าหยางชง) ปลูกแซมในแปลงองุ่น